ออเจ้า---สมัยทวารวดี
(พุทธศตวรรษที่ 9-11 )
สมัยทวารวดี
(พุทธศตวรรษที่ 9-11 )
ก่อนที่จะก่อตัวขึ้นเป็นอาณาจักรทวารวดีนั้น บริเวณภาคกลางของประเทศไทยหรือลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณเมืองอู่ทอง อาจจะเคยเป็นอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งของฟูนันมาก่อน เนื่องจากพบหลักฐานว่ามีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเมืองออกแก้ว ศรีเกษตร และอินเดีย
ทวารวดีเดิมมีเชื่อเรียกในเอกสารจีนว่า โถ-โล-โป-ตี้ และปรากฏชื่อบนเหรียญเงินด้วยอักษรปัลวะว่า ศรีทวารวตี ศวรปุณยะ มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 โดยก่อนหน้านั้นเคยเป็นสังคมก่อนประวัติศาสตร์มาก่อนแต่เนื่องจากว่าในบริเวณภาคกลางตอนล่างเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่กว้างใหญ่และอาจเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับทะเลจึงมีทางเข้าออกต่อกับฝั่งทะเลโดยตรงได้ จึงเป็นบริเวณที่เหมาะสมแก่การเกษตรกรรมและเดินเรือค้าขาย จึงมีการอพยพตั้งถิ่นฐานอย่างหนาแน่น ในบริเวณที่เกิดเป็นอารยธรรม ทวารวดีนี้มีศูนย์กลางบริเวณภาคกลาง(อู่ทอง,นครปฐม,ละโว้) และเผยแพร่อิทธิพลไปเป็นบริเวณกว้าง ไม่ว่าจะเป็นภาคอีสาน ภาคเหนือ หรือภาคใต้
ด้านการเมืองการปกครอง มีกษัตริย์เป็นผู้ปกครองรัฐทวารวดี โดยนำแนวคิดเกี่ยวกับระบบกษัตริย์และรัฐของอินเดียมาเป็นแบบอย่าง ที่ต้องการให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งระบุอยู่ในมนูธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นกฎหมายของอินเดียที่เขียนขึ้นในช่วงต้นคริสตกาล โดยกษัตริย์นั้นมีหน้าที่หลักคือปกป้องรัฐจากศัตรู พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเช่นการพัฒนาระบบชลประทาน โดยการขุดคูน้ำล้อมรอบเมืองและขุดคลองส่งน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงภายในตัวเมือง มีระบบการสถาปนากษัตริย์ว่ามีฐานะอยู่เหนือมนุษย์ทั่วไป โดยผ่านพิธีราชสูยะ ในภายหลังถูกยกเลิกไปและหันมาประกอบพิธีราชาภิเษกแทน
ด้านเศรษฐกิจ เป็นรัฐหนึ่งที่มีการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของรัฐได้เป็นผลสำเร็จ โดยสามารถควบคุมและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรของรัฐและสามารถกระตุ้นให้ประชาชนเพิ่มปริมาณการค้าขายกับรัฐอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้เหรียญกษาปณ์เป็นตัวกลางในการค้าขาย แต่เป็นเหรียญของอินเดีย โดยกษัตริย์มีนโยบายที่จะหารายได้จากการค้าขายกับชุมชนภายนอก จึงต้องกำหนดมาตรฐานเพื่อใช้ควบคุมการผลิตเหรียญโดยขอยืมสัญลักษณ์ของระบบกษัตริย์อินเดียมาใช้ นอกจากนั้นยังพบเหรียญที่เป็นสัญลักษณ์ชาติอื่นๆด้วย เช่น เหรียญรูปสังข์เป็นแบบของมอญ เหรียญรูปพระอาทิตย์หรือศรีวัตสะเป็นของ ปยู ดังนั้นจึงทำให้เห็นว่าการติดต่อค้าขายในสมัยนั้นไม่มีแต่เพียงอินเดียเท่านั้นหากแต่มีการค้าขายกับมอญ ฟูนัน และปยูด้วย
ด้านศาสนา ชาวทวารวดีส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท โดยรับเอามาจากอินเดีย (ภาคใต้) แต่ก็มีบางส่วนที่นับถือนิกายมหายานหรือศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมีการพบหลักฐานทางศิลปกรรมที่สามารถย้อนไปได้ถึงช่วงพุทธศตวรรษที่ 8-10 โดยเฉพาะธรรมจักรและมีความเชื่อเรื่องการสะเดาะเคราะห์
ก่อนที่จะก่อตัวขึ้นเป็นอาณาจักรทวารวดีนั้น บริเวณภาคกลางของประเทศไทยหรือลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณเมืองอู่ทอง อาจจะเคยเป็นอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งของฟูนันมาก่อน เนื่องจากพบหลักฐานว่ามีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเมืองออกแก้ว ศรีเกษตร และอินเดีย
ทวารวดีเดิมมีเชื่อเรียกในเอกสารจีนว่า โถ-โล-โป-ตี้ และปรากฏชื่อบนเหรียญเงินด้วยอักษรปัลวะว่า ศรีทวารวตี ศวรปุณยะ มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16 โดยก่อนหน้านั้นเคยเป็นสังคมก่อนประวัติศาสตร์มาก่อนแต่เนื่องจากว่าในบริเวณภาคกลางตอนล่างเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่กว้างใหญ่และอาจเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับทะเลจึงมีทางเข้าออกต่อกับฝั่งทะเลโดยตรงได้ จึงเป็นบริเวณที่เหมาะสมแก่การเกษตรกรรมและเดินเรือค้าขาย จึงมีการอพยพตั้งถิ่นฐานอย่างหนาแน่น ในบริเวณที่เกิดเป็นอารยธรรม ทวารวดีนี้มีศูนย์กลางบริเวณภาคกลาง(อู่ทอง,นครปฐม,ละโว้) และเผยแพร่อิทธิพลไปเป็นบริเวณกว้าง ไม่ว่าจะเป็นภาคอีสาน ภาคเหนือ หรือภาคใต้
ด้านการเมืองการปกครอง มีกษัตริย์เป็นผู้ปกครองรัฐทวารวดี โดยนำแนวคิดเกี่ยวกับระบบกษัตริย์และรัฐของอินเดียมาเป็นแบบอย่าง ที่ต้องการให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ซึ่งระบุอยู่ในมนูธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นกฎหมายของอินเดียที่เขียนขึ้นในช่วงต้นคริสตกาล โดยกษัตริย์นั้นมีหน้าที่หลักคือปกป้องรัฐจากศัตรู พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเช่นการพัฒนาระบบชลประทาน โดยการขุดคูน้ำล้อมรอบเมืองและขุดคลองส่งน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงภายในตัวเมือง มีระบบการสถาปนากษัตริย์ว่ามีฐานะอยู่เหนือมนุษย์ทั่วไป โดยผ่านพิธีราชสูยะ ในภายหลังถูกยกเลิกไปและหันมาประกอบพิธีราชาภิเษกแทน
ด้านเศรษฐกิจ เป็นรัฐหนึ่งที่มีการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของรัฐได้เป็นผลสำเร็จ โดยสามารถควบคุมและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรของรัฐและสามารถกระตุ้นให้ประชาชนเพิ่มปริมาณการค้าขายกับรัฐอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้เหรียญกษาปณ์เป็นตัวกลางในการค้าขาย แต่เป็นเหรียญของอินเดีย โดยกษัตริย์มีนโยบายที่จะหารายได้จากการค้าขายกับชุมชนภายนอก จึงต้องกำหนดมาตรฐานเพื่อใช้ควบคุมการผลิตเหรียญโดยขอยืมสัญลักษณ์ของระบบกษัตริย์อินเดียมาใช้ นอกจากนั้นยังพบเหรียญที่เป็นสัญลักษณ์ชาติอื่นๆด้วย เช่น เหรียญรูปสังข์เป็นแบบของมอญ เหรียญรูปพระอาทิตย์หรือศรีวัตสะเป็นของ ปยู ดังนั้นจึงทำให้เห็นว่าการติดต่อค้าขายในสมัยนั้นไม่มีแต่เพียงอินเดียเท่านั้นหากแต่มีการค้าขายกับมอญ ฟูนัน และปยูด้วย
ด้านศาสนา ชาวทวารวดีส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท โดยรับเอามาจากอินเดีย (ภาคใต้) แต่ก็มีบางส่วนที่นับถือนิกายมหายานหรือศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมีการพบหลักฐานทางศิลปกรรมที่สามารถย้อนไปได้ถึงช่วงพุทธศตวรรษที่ 8-10 โดยเฉพาะธรรมจักรและมีความเชื่อเรื่องการสะเดาะเคราะห์































